การฝึกแซกโซโฟน
เมื่อพูดถึงการฝึกอาจพูดได้ว่าการฝึกเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจน้อยมากในวงการนักดนตรีของไทยเรา โดยแต่ละคนอาจจะมีเหตุผลต่าง ๆ กัน
เหตุผลที่กล่าวมานั้น เป็นการสร้างลักษณะนิสัยที่ไม่ดีต่อการฝึก ขาดความรู้ความเข้าใจในตัวนักดนตรี เพราะที่จริงแล้วความเป็นเอกมาจากการฝึก นักแซกโซโฟนเอกของโลกยังต้องฝึก ความเก่งของนักแซกโซโฟนเอกเหล่านั้นมาจากการฝึกที่ถูกต้อง
ปรัชญาของการฝึก “ฝึกทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ เพราะการฝึกที่ผิดเป็นเหตุให้ปฏิบัติผิด”
การฝึกคือ การพัฒนาไปสู่ความเก่ง พัฒนาทักษะ กล้ามเนื้อ และพรสวรรค์ทางดนตรีให้เจริญไปในทางที่ถูกต้อง
การฝึกและการบรรเลงมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน การบรรเลงนั้นเป็นการแสดงในที่สาธารณชน ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นไม่อาจจะกลับไปแก้ไขได้ต้องปล่อยให้ผ่านไป และที่สำคัญก็คือการบรรเลงเป็นการอวดวิทยายุทธ์ที่ได้ฝึกมา อวดความสามารถในการบรรเลงที่จะถ่ายทอดอารมณ์ทางดนตรีไปสู่ผู้ฟัง
ส่วนจุดประสงค์ของการฝึกนั้นเป็นการเรียนรู้ทักษะการควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเป่าแซกโซโฟน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก ระบบการหายใจ นิ้ว สมาธิ ฝึกระบบประสาทให้ตอบสนองต่อดนตรี ฝึกหูให้เคยชินกับเสียงที่ถูกต้อง แก้ไขข้อบกพร่องให้สมบูรณ์
ฝึกที่ไหน
สถานที่ฝึก ควรเป็นสถานที่ที่สงบสามารถสร้างสมาธิในการฝึกโดยไม่มีสิ่งใดมารบกวนหรือไม่รบกวนบุคคลอื่น ห้องฝึกควรเป็นห้องส่วนบุคคล อากาศถ่ายเทได้สะดวก อุณหภูมิเหมาะสมประมาณ 75๐F ในห้องควรจะมีกระจกไว้สำหรับตรวจสอบในการวางปากและท่าทางในการเป่า ถ้าเป็นไปได้ควรมีเปียโนสำหรับการบรรเลงประกอบ
ฝึกเมื่อไร
การฝึกควรปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน นักเรียนแซกโซโฟนควรมีเวลาฝึกอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง นักแซกโซโฟนอาชีพควรฝึกอย่างน้อยสม่ำเสมอ ไม่ควรที่จะฝึกวันเดียว 10 ชั่วโมง แล้วหยุดไป 10 วัน ในขณะฝึกเมื่อรู้สึกเหนื่อยควรจะหยุดพัก เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะฝืน เมื่อร่างกายอ่อนเพลียไม่สามารถควบคุมได้ทำให้การเรียนรู้ได้ผลน้อย นอกจากจะทำให้เหนื่อยมากขึ้นแล้วยังทำให้จิตใจเบื่อหน่ายต่อการฝึกอีกทอดหนึ่งพึงระลึกเสมอว่า การฝึกจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อร่างกายและจิตใจสมบูรณ์เมื่อเหนื่อยควรหยุดพัก
ลักษณะนิสัยที่ดีในการฝึก
- การฝึกที่ดีต้องคำนึงถึงคุณภาพของการฝึกเป็นสำคัญ ระยะเวลาที่ใช้ฝึกควรขึ้นอยู่กับสมาธิใช้เวลาสั้น แต่มีสมาธิฝึกย่อมดีกว่าใช้เวลาอันยาวนาน แต่ไม่มีสมาธิ
- ฝึกด้วยอัตราจังหวะช้า ถือเป็นหัวใจของการฝึก เพราะการฝึกช้า ๆ มีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่องสามารถฟังเสียงที่เป่าได้ชัดแม่นยำและสามารถสร้างสมาธิในการฝึกได้ เมื่อฝึกได้ถูกต้องแม่นยำแล้วจึงค่อย ๆ เปลี่ยนอัตราจังหวะให้เร็วขึ้น แต่ไม่เร็วจนเกินความสามารถที่จะควบคุมได้
- ฝึกจุดอ่อน วลีที่ยาก กระสวนจังหวะที่เป่าไม่ถูก การฝึกเป็นการแก้ไขข้อบกพร่องให้ถูกต้องยิ่งขึ้น ไม่ควรเสียเวลาในสิ่งที่เป่าได้อยู่แล้ว ควรสนใจแก้ไขสิ่งที่ทำไม่ถูกหรือเป่าไม่ได้ ควรจริงจังต่อข้อผิดพลาดโดยใช้เวลาพินิจพิจารณาว่า ทำไมถึงเป่าผิด แล้วจะแก้ไขอย่างไร อย่าฝึกอย่างผิด ๆ จนเคยชิดต่อความผิดนั้นแล้ว เข้าใจเอาว่าความผิดคือความถูกต้อง
- ใช้เครื่องเคาะจังหวะและเครื่องตั้งเสียงในการฝึก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเครื่องเคาะจังหวะควบคู่กับการฝึกตลอดเวลา เพื่อสร้างความคงที่แม่นยำของจังหวะ ไม่ควรเดาจังหวะด้วยถือว่ารู้แล้ว เพราะจะเป็นสาเหตุของจังหวะไม่คงที่เร็วบ้างช้าบ้างโดยไม่รู้ตัว และในที่สุดจะล้มเหลวต่อการฝึก นอกจากนี้แล้วควรมีเครื่องตั้งเสียงอย่าเพิ่มเชื่อหูตัวเองเกินไป ควรฝึกตั้งเสียงให้เคยชินกับเสียงที่ถูกต้องก่อน
- กระจก ทุกครั้งที่ฝึกควรมีกระจก เพราะกระจกคือครูที่จะบอกให้เราทราบว่าการวางปาก หรือท่าทางการจับแซกโซโฟนถูกต้องหรือไม่
- มีทัศนคติที่ดีต่อการฝึก นอกจากสร้างสมาธิในการฝึกแล้วควรสร้างทัศนคติที่ดีต่อการฝึก ฝึกเพื่อดนตรี ไม่ควรฝึกเพราะถูกบังคับ หรือฝึกดนตรีเพื่อสร้างฐานทางสังคม
- บันทึกเทปทุกครั้งที่ฝึกเพื่อฟัง และแก้ไขข้อบกพร่องในการฝึกครั้งต่อไป
- ฝึกความจำโดยฝึกวลีเพลงสั้น ๆ 10 เที่ยว (ดูโน้ต) แล้วอีก 10 เที่ยว โดยอาศัยความจำเป่า อีก 10 เที่ยว โดยดูโน้ตอีกครั้งหนึ่ง
ฝึกอะไร
การฝึกทุกครั้งควรจัดเป็นตารางว่า ฝึกอะไรบ้าง นานเท่าใด ไม่ควรฝึกอย่างหนึ่งอย่างใดจนเบื่อต่อการฝึก
ตัวอย่างการแบ่งเวลาในการฝึกระยะ 2 ชั่วโมง (เวลามากน้อยให้เปลี่ยนไปตามอัตราส่วน)
- เป่าเสียงยาว (20 นาที) เพื่อ ฝึกสำเนียง
ฝึกความดังเบาของเสียง
ฝึกการวางปาก
- ฝึกบันไดเสียง (20 นาที)
เป่าคู่ 3 ในบันไดเสียง
เป่าขั้นคู่ ในคอร์ด
เป่าโดยเปลี่ยนเครื่องหมาย การใช้ลม การใช้ลิ้น
ควรเปลี่ยนบันไดเสียงทุกครั้งที่เป่า
- แบบฝึกหัดหรือบทฝึกที่อยู่ในบันไดเสียงเดียวกัน (30 นาที)
- พัก (5 นาที)
- ฝึกบทคีตวรรณกรรมสำหรับการบรรเลงเดี่ยว (30 นาที)
- ฝึกจักษุสัมผัส (Sight Reading) (15 นาที) โดยใช้บทฝึกอะไรก็ได้ที่ไม่เคยผ่านสายตามาก่อน เพื่อฝึกสายตาในการสัมผัสกับโน้ตที่ไม่เคยอ่านมาก่อนโดยเน้นกระสวนจังหวะเป็นหลัก
เตือนความจำ ก่อนที่จะลงมือฝึกซ้อมอย่าลืมเอาลิ้นปี่แช่น้ำ หรืออมไว้ในปาก เพื่อที่จะให้ลิ้นปี่อมน้ำคงตัวก่อนที่จะเป่าประมาณ 3 – 5 นาที ส่วนการเตรียมเครื่องมือควรปฏิบัติดังนี้
- เอาสายคล้องคอแซกโซโฟนคล้องคอ
- เอากำพวดต่อติดกับคอแซกโซโฟน
- เอาคอแซกโซโฟนต่อติดกับลำตัว ขันสกรูที่ข้อต่อไม่ให้หลวมหรือแน่นจนเกินไป
- เอาแซกโซโฟนคล้องกบสายคล้องคอ
- เอาลิ้นปี่ที่แช่น้ำไว้แล้วประกอบกับหน้าประกบ โดยให้ใช้ปลายลิ้นปี่เสมอกับปลายปากกำพวด ใช้หัวแม่มือข้างใดข้างหนึ่งกดไว้ แล้วใช้มืออีกข้างสวมข้อรัดลิ้นปี่ ขันสกรูรัดให้พอดี ไม่หลวมหรือไม่แน่นจนเกินไป
- ปรับระดับสายคล้องคอให้พอดีในการเป่า แต่ไม่ปรับระดับโดยก้มหรือเงยหน้าให้ดูรูปท่าทางในการเป่าประกอบ
ตัวอย่างการฝึกในระยะเวลาสองชั่วโมง
- เป่าเสียงยาวใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการฝึกแต่ละครั้งควรเปลี่ยนบันไดเสียงสำหรับตัวอย่างนั้นจะใช้บันไดเสียง G เมเจอร์
- ฝึกเป่าบันไดเสียงใช้เวลาประมาณ 20 นาที
- เป่าบทฝึกบันไดเสียง G เมเจอร์
- พักประมาณ 5 นาที
- ฝึกบทคีตวรรณกรรมในบันไดเสียง G เมเจอร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น