11 ธันวาคม 2551

15: การฝึกเสียงระรัว

เสียงสั่นหรือเสียงระรัว (Vibrato)

         การเป่าแซกโซโฟนให้มีเสียงไพเราะขึ้น จำเป็นต้องอาศัยเสียงสั่นหรือเสียงระรัว (Vibrato) จะทำให้ผู้ฟังเพลงเกิดความพอใจในเสียงที่มีความระรัวหรือรู้จักกันโดยทั่วไปว่า ลูกคอ ในทำนองเดียวกันเสียงของแซกโซโฟนที่มีคุณภาพอาศัยเสียงระรัวเป็นองค์ประกอบเพื่อเพิ่มรสนิยม

         มาร์เซล มัลย์ (Marcel Mule) ปรมาจารย์แซกโซโฟน ชาวฝรั่งเศสเป็นคนแรกที่ใช้ขากรรไกร และกล้ามเนื้อริมฝีปากในการเสริมเสียงระรัวในเสียงของแซกโซโฟน และนิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างเสียงเดิมกับเสียงระรัว เสียงระรัวเป็นการเสริมให้เสียงมีความกังวานน่าฟังขึ้นจากเดิม แต่ยังรักษาเสียงเดิมอยู่

ลักษณะของเสียงระรัว

    เสียงระรัวเป็นการทำเสียงเรียบให้เป็นลูกคลื่น ซึ่งประกอบด้วยความถี่และความกว้างของคลื่นแต่ละลูกจากการบังคับและการคุมของผู้เป่าว่าจะให้มีความกว้างหรือแคบมากน้อยเพียงใด

เสียงระรัวที่นิยมใช้สำหรับเป่าแซกโซโฟนมี 3 ชนิด ดังนี้

  • ขากรรไกรระรัว เป็นการเลื่อนขากรรไกรขึ้นลง เพื่อให้เกิดเสียงระรัว แต่ริมฝีปากล่างยังคงทำหน้าที่รักษาระดับการวางปากให้คงที่อยู่ ขณะที่ขากรรไกรระรัว
  • การฝึกขากรรไกรระรัวให้นึกถึงคำว่า อา หรือ วา วา อาการของขากรรไกรจะเคลื่อนขึ้นลงเหมือนออกเสียง ญา ญา หรือ วา วา
  • ริมฝีปากระรัว กล้ามเนื้อของริมฝีปากล่างจะทำหน้าที่ระรัว โดยที่ขากรรไกรจะอยู่คงที่เพื่อรักษาระดับการวางปาก
         การฝึกริมฝีปากระรัว ให้เป่า G แล้วใช้นิ้วของมือขวาคลึงริมฝีปากล่างเหมือนอาการระรัวในขณะที่เป่า เสียงที่เป่าจะออกมาเป็นเสียงระรัว
  • กระแสลมระรัว อาศัยกระแสลมที่เป่าระรัวเสียง โดยเป่าให้กระแสลมเป็นลูกคลื่นที่ติดต่อกันไม่ขาดระยะและมีความสม่ำเสมอ

         พึงระลึกเสมอว่าเสียงระรัวไม่ได้เกิดจากการปิดเปิดของกล่องเสียงในลำคอซึ่งมีเสียงคล้าย แกะร้องหรืออาการไอ เพราะกระแสเสียงจะขาดเป็นช่วงไม่ติดต่อกัน

การฝึกเสียงระรัว

            ให้ตั้งเครื่องเคาะจังหวะ (Metronome) โดยให้โน้ตตัวดำความเร็วที่ 60 โดยให้ฝึกโน้ตตัวดำมีเสียงระรัว 4 ครั้ง ต่อ 1 ตัว

ไม่มีความคิดเห็น: